ซีรีส์ที่กระตุ้นความคิดและสะท้อนสังคม
โอ้โห พูดถึงการดู
ซีรี่ย์ Netflix นี่มันเหมือนติดหล่มที่ถอนตัวไม่ขึ้นเลยนะ จริง ๆ แพลตฟอร์มอย่าง
serie-day นี้มันเกิดมาเพื่อทำให้คนเราติดจอโดยเฉพาะ แบบที่เราคิดว่าจะแค่ดูตอนเดียวก่อนนอน สุดท้ายกลายเป็นตีสามโดยไม่รู้ตัว! พล็อตเรื่องของแต่ละเรื่องคือโคตรดึงดูดใจ เดี๋ยวก็มีฆาตกรรมซับซ้อน เดี๋ยวก็มีดราม่าครอบครัว เดี๋ยวก็มีแฟนตาซีเหนือจินตนาการ จนบางครั้งเราอดสงสัยไม่ได้ว่า คนเขียนบทนี่เขาคิดกันยังไงให้มันน่าติดตามขนาดนี้ แต่ปัญหาหลักของการดู Netflix คือมันทำให้เราหมดเวลาไปแบบไม่รู้ตัว เหมือนกับโดนเวทมนตร์สะกดให้จมอยู่กับหน้าจอ วันหยุดทีหนึ่งนี่กะจะออกไปข้างนอกก็ไม่เป็นอันไป เพราะพล็อตเรื่องมันลากเราไว้ตลอด แถมเดี๋ยวนี้ยังมีระบบที่เล่นตอนต่อไปให้อัตโนมัติอีก! ใครมันเป็นคนคิดระบบนี้ขึ้นมาเนี่ย มันบาปมากนะ 555 แบบที่ว่าอยากจะพักก็ยังต้องขอดูอีกนิดเผื่อจะตัดจบดี ๆ สุดท้ายโดนลากไปอีกชั่วโมงสองชั่วโมง
อีกเรื่องที่ต้องยอมรับคือซีรีส์บางเรื่องมันดีมากจนต้องมานั่งขบคิดต่อหลังดูจบ อย่างแนวไซไฟหรือดิสโทเปียเนี่ย บางเรื่องมันเล่นกับความเป็นมนุษย์และจริยธรรมในแบบที่ทำให้เราฉุกคิดว่าจริง ๆ แล้วสังคมเรากำลังเดินไปในทิศทางนั้นหรือเปล่า พอดูแล้วก็นั่งจมกับความคิดตัวเองเป็นชั่วโมง หรือบางเรื่องก็ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมันมีความหมายขึ้นมาอย่างแปลก ๆ เหมือนได้แรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง
แต่ถึงจะบ่นว่าเสียเวลาแค่ไหน เราก็ยังกลับไปกดดูต่ออยู่ดี มันเป็นวังวนที่ไม่มีวันจบสิ้น ยิ่งซีรีส์ที่ทำมาแบบทุนสูง ภาพสวย นักแสดงดี การดำเนินเรื่องลื่นไหล เราก็ยิ่งถอนตัวออกมายาก เอาเป็นว่า ถ้าจะดู Netflix ให้มีความสุขแบบไม่รู้สึกผิดกับตัวเอง ก็คงต้องจัดสรรเวลาดี ๆ ไม่ให้มันมากลืนกินชีวิตเกินไป ไม่งั้นระวังนะ ตื่นมาอีกทีอาจจะพบว่าตัวเองนั่งอยู่ที่เดิม แต่เวลาผ่านไปแล้วสามวัน!